สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 17-23 มกราคม 2563

 

ข้าว
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63
มติที่ประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.)ครั้งที่ 1/2562เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63และมติที่ประชุม นบข.ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 เห็นชอบในหลักการตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2562/63 ตามมติ
ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2562
การดำเนินงานประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์ อุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 32.48 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 34.16 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว ได้แก่
1.1) การกำหนดพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว เป้าหมายรอบที่ 1 จำนวน 58.99 ล้านไร่
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าวแล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 และรอบที่ 2จำนวน 13.81 ล้านไร่
1.2) การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป้าหมาย รอบที่ 1 จำนวน 4.00 ล้านครัวเรือน และ รอบที่ 2 จำนวน 0.30 ล้านครัวเรือน
1.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
1.4) การปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ การจัดรูปที่ดินและปรับระดับพื้นที่นา
1.5) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ (1) โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่
(นาแปลงใหญ่) (2) โครงการส่งเสริมการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข43 (3) โครงการส่งเสริมระบบเกษตรแบบแม่นยำสูง (4) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศ (5) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ (6) โครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าวหอมมะลิ (7) โครงการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตข้าวในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง
(8) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าวไปเป็นพืชอื่น (Zoning by Agri-Map)(9) โครงการส่งเสริม
การปลูกพืชหลากหลาย (10) โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด และ (11) โครงการประกันภัยพืชผล
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ (1) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
รถเกี่ยวนวดข้าว และ (2) โครงการยกระดับมาตรฐานโรงสี กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงตลาดข้าวนาแปลงใหญ่
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศได้แก่ (1) โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร (2) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ พ.ศ. 2563-2565
(3) โครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมและสร้างการรับรู้ถึงคุณประโยชน์ของการบริโภคผลผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าว
(4) โครงการรณรงค์บริโภคข้าวสาร Q และข้าวพันธุ์ กข43 ปีการผลิต 2561/62(5) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยว
และปรับปรุงคุณภาพข้าว (6) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร (7) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการในการเก็บสต็อก และ (8) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศได้แก่ (1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ (2) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมข้าว (3) การส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐานและปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และ (4) การประชาสัมพันธ์การบริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
2) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1
มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกร
ผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1 ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ 21,495.74 ล้านบาท เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคาข้าว และให้กลไกตลาดทำงานเป็นปกติ โดยดำเนินการในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ ดังนี้
2.1) ชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) โดยชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าว ดังนี้
ชนิดข้าว ราคาประกันรายได้ ครัวเรือนละไม่เกิน
(บาท/ตัน) (ตัน)
ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 14
ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 16
ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 30
ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 11,000 25
ข้าวเปลือกเหนียว 12,000 16
กรณีเกษตรกรเพาะปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด ได้สิทธิ์ไม่เกินจำนวนขั้นสูงของข้าวแต่ละชนิด เมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงของชนิดข้าวที่กำหนดไว้สูงสุดและได้สิทธิ์ตามลำดับระยะเวลาที่แจ้งเก็บเกี่ยวข้าวแต่ละชนิด
2.2) เกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับการชดเชย เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 (รอบที่ 1) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 31 ตุลาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2562 - 28 กุมภาพันธ์ 2563
2.3) ระยะเวลาที่ใช้สิทธิขอชดเชย เกษตรกรสามารถใช้สิทธิระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2562 -
28 กุมภาพันธ์ 2563 ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 31 พฤษภาคม 2563 โดยสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่
วันที่เก็บเกี่ยวเป็นต้นไป ยกเว้นเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่กำหนดให้ใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันเริ่มโครงการ
2.4) การประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการฯ ได้ประกาศราคาอ้างอิง งวดที่ 1 - 4 ทุก 15 วัน โดยจ่ายเงินครั้งแรก ในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 สำหรับเกษตรกรได้รับสิทธิตั้งแต่วันที่เก็บเกี่ยว - 15 ตุลาคม 2562 สำหรับงวดที่ 5 เป็นต้นไป ได้ปรับการประกาศใหม่เป็นทุกวันศุกร์
(ทุก 7 วัน) เพื่อให้ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงมีความสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในช่วงที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวและจำหน่ายข้าว
3) โครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63
มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ 25,482.06 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร และช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยดำเนินการในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ ดังนี้
3.1) กลุ่มเป้าหมาย เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 (รอบที่ 1) ประมาณ 4.31 ล้านครัวเรือน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่
3.2) ระยะเวลาจ่ายเงินสนับสนุน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ ตั้งแต่ 1 สิงหาคม – 30 เมษายน 2563
4) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63
มติที่ประชุม คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2562 เห็นชอบโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63 จำนวน 26,458.89 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรสามารถดำรงชีพอยู่ได้ และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวข้าวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึง
เพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร
4.1) กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 กับกรมส่งเสริมการเกษตร (กสก.) จำนวนประมาณ 4.57 ล้านครัวเรือน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวเฉพาะเกษตรกรรายย่อย อัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท โดยพื้นที่เพาะปลูกที่ได้รับการช่วยเหลือต้องไม่ซ้ำซ้อนกับพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการเยียวยาผู้ประสบภัยธรรมชาติจากรัฐบาลแล้ว เว้นแต่เกษตรกรจะนำพื้นที่ประสบภัยนั้นไปแจ้ง กสก. เพื่อเพาะปลูกข้าวใหม่ทันในช่วงเวลาเพาะปลูกรอบที่ 1
4.2) ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 - 30 กันยายน 2563
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 13,725 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 13,684  บาท
เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 7,741 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 7,717 บาท
เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.31
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 31,950 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว5% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 12,450 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 12,090 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.97
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 1,089 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,831 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 1,095 ดอลลาร์สหรัฐฯ (32,836 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.54 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 5 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 459 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,838 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 450 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,494 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.00 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 344 บาท
ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 446 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,446 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 440 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,194 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.36 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 252 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 456 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,748 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 447 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,404  บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.01 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 344 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.1482

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
2.1 สถานการณ์ข้าวโลก
1) การผลิต
ผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี 2562/63 ณ เดือนมกราคม 2563
มีผลผลิต 496.666 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจาก 499.161 ล้านตันข้าวสาร ในปี 2561/62 หรือลดลงร้อยละ 0.50
2) การค้าข้าวโลก
บัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลก ปี 2562/63 ณ เดือนมกราคม 2563 มีปริมาณผลผลิต 496.666 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2561/62 ร้อยละ 0.50 การใช้ในประเทศ 494.001 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก ปี 2561/62 ร้อยละ 1.35 การส่งออก/นำเข้า 45.989 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก
ปี 2561/62 ร้อยละ 2.49 และสต็อกปลายปีคงเหลือ 177.051 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2561/62 ร้อยละ 1.53
โดยประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา จีน กายานา อินเดีย แอฟริกาใต้ เวียดนาม  และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล ปากีสถาน ปารากวัย รัสเซีย และไทย
สำหรับประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ เบนิน บราซิล เบอร์กินา คาเมรูน ไอเวอรี่โคสต์ คิวบา กินี อินโดนีเซีย เคนย่า เม็กซิโก โมแซมบิค เนปาล ซาอุดิอาระเบีย เซเนกัล แอฟริกาใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าลดลง ได้แก่ จีน อียู อิหร่าน อิรัก และฟิลิปปินส์
ประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีเพิ่มขึ้น ได้แก่ บังคลาเทศ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ ส่วนประเทศที่คาดว่าจะมีสต็อกคงเหลือปลายปีลดลง ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย และสหรัฐอเมริกา
2.2 สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
ภาวะราคาข้าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับลดลงท่ามกลางภาวะการค้าที่ซบเซา เนื่องจากความต้องการข้าวจากต่างประเทศลดลง โดยราคาข้าวขาว 5% อ่อนตัวลงอยู่ที่ตันละ 345 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดจากตันละ 355 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่วงการค้าระบุว่าผู้ซื้อบางส่วนต่างรอดูผลผลิตข้าวฤดูใหม่ (winter-spring crop) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงที่จะออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ซึ่งในขณะนี้มีผู้ซื้อจากฟิลิปปินส์ได้แสดงความสนใจที่จะซื้อบ้างแล้ว
กรมศุลกากรรายงานว่า ในปี 2562 เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 6.37 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 แต่มูลค่าลดลงร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยตลาดสำคัญ
ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ ฟิลิปปินส์ แอฟริกา มาเลเซีย เป็นต้น ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคม 2562 มีการส่งออกประมาณ 499,573 ตัน มูลค่า 228 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.7 เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทางด้านกระทรวงเกษตร (the Ministry of Agriculture and Rural Development; MARD) รายงานว่า
ในเดือนธันวาคม 2562 มีการส่งออกข้าวประมาณ 474,000 ตัน มูลค่า 214 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในปี 2562
คาดว่ามีการส่งออกข้าวประมาณ 6.34 ล้านตัน มูลค่า 2.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปริมาณเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 3.9 แต่มูลค่าลดลงร้อยละ 9.7 เมื่อเทียบกับปี 2561
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
เมียนมา
สหพันธ์ข้าวเมียนมา (the Myanmar Rice Federation; MRF) รายงานว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของ ปีงบประมาณ 2562/63 (ตุลาคม 2562-กันยายน 2563) เมียนมาส่งออกข้าวสารและข้าวหักรวมประมาณ 894,889.703 ตัน คิดเป็นมูลค่า 256.452 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบด้วยข้าวสารประมาณ 600,000 ตัน มูลค่า 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยส่งไปยัง 53 ประเทศ และข้าวหักประมาณ 290,000 ตัน มูลค่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งไปยัง 45 ประเทศ โดยเป็นการส่งไปทางทะเลประมาณ 760,000 ตัน มูลค่า 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และส่งทางชายแดนประมาณ 130,000 ตัน มูลค่า 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2561/62 เมียนมาส่งออกข้าวประมาณ 2.355 ล้านตัน มูลค่า 709.693 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศในยุโรปและแอฟริกาผ่านทางทะเล และส่งไปประเทศจีนผ่านทางชายแดน
มีรายงานว่า บริษัท The Mandalay Rice Development Company ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงส่งออกข้าว
จำนวน 50,000 ตัน ไปยังประเทศจีน ซึ่งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัทนี้ได้ทำข้อตกลงกับบริษัท Shwe Charnt Company ของจีนเพื่อส่งออกข้าวจำนวน 100,000 ตัน โดยข้อตกลงครั้งใหม่นี้ บริษัท The Mandalay Rice Development Company จะดำเนินการส่งออกข้าวผ่านทางถนน Chin Shwe Haw road จากเดิมที่เคยส่งไปทาง Muse Road
ทั้งนี้ ในอดีตที่ผ่านมา บริษัทของเมียนมา 2 ราย คือ Mandalay Rice Development Company และ Muse Rice Development Company ได้ทำการส่งออกข้าวไปยังประเทศจีนผ่านทาง Muse road
ที่มา: สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย



กราฟราคาที่เกษตรกรขายได้ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% และราคาขายส่งตลาด กทม. ข้าวสารเจ้า 5%
 
 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ 
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้
ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.82 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 7.84 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.26 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.30 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 6.36 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.94
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.56 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.61 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.58 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.20 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.21 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.12
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 286.60 ดอลลาร์สหรัฐ (8,640 บาท/ตัน) ลดลงจากตันละ 290.00 ดอลลาร์สหรัฐ (8,696 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.17 และลดลง ในรูปของเงินบาทตันละ 56 บาท  
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2562/63 มีปริมาณ 1,133.41 ล้านตัน ลดลงจาก 1,143.37 ล้านตัน ในปี 2561/62 ร้อยละ 0.87 โดยสหภาพยุโรป และแคนาดา มีความต้องการใช้ลดลง สำหรับการค้าของโลกมี 172.26 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 171.93 ล้านตัน ในปี 2561/62 ร้อยละ 0.19 โดยบราซิล อาร์เจนตินา ยูเครน รัสเซีย และแอฟริกาใต้ ส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้า เช่น เม็กซิโก เวียดนาม อิหร่าน อียิปต์ จีน โคลอมเบีย มาเลเซีย ซาอุดีอาระเบีย โมร็อกโก ชิลี อิสราเอล บังกลาเทศ กัวเตมาลา บราซิล เคนยา สหรัฐอเมริกา และตูนิเซีย มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2563 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกันชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 389.70 เซนต์ (4,692 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากบุชเชลละ 385.36 เซนต์ (4,616 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.13 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 76 บาท

 


 


มันสำปะหลัง
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2563 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 – กันยายน 2563) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.75 ล้านไร่ ผลผลิต 31.104 ล้านตัน ผลผลลิตต่อไร่ 3.56 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.67 ล้านไร่ ผลผลิต 31.080 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.59 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว และผลผลิต สูงขึ้นร้อยละ 0.93 และร้อยละ 0.08 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ลดลงร้อยละ 0.84 โดยเดือนมกราคม 2563 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 5.16 ล้านตัน (ร้อยละ 16.58 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2563 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2563 ปริมาณ 17.63 ล้านตัน (ร้อยละ 56.68 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น และหัวมันสำปะหลังส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่โรงงานแป้งมันสำปะหลัง เนื่องจากลานมันส่วนใหญ่ไม่ตากมันเส้น เพราะราคามันเส้นไม่คุ้มกับการดำเนินการ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.96 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1.93 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.55
ราคามันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.12 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 5.21 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.73
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.96 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 5.99 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.50
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 12.71 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 12.75 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.31
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 233 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7,029 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (6,987 บาทต่อตัน)
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้ไม่มีรายงาน

 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2563 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนมกราคมจะมีประมาณ 1.325 
ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.239 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.080 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.194 ล้านตัน ของเดือนธันวาคม 2562 คิดเป็นร้อยละ 22.69 และร้อยละ 23.20 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 7.03 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 6.62 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ร้อยละ 6.19                             
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 38.23 บาท ลดลงจาก กก.ละ 39.45 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ร้อยละ 3.09                  
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
การตลาดต่างประเทศ
ผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มของมาเลเซียกังวลว่าข้อยุติสงครามการค้าของจีนและอเมริกาจะส่งผลให้การส่งออกน้ำมันปาล์มของมาเลเซียลดลง และทำให้ราคาปาล์มน้ำมันลดลง ผลกระทบด้านลบต่อการส่งออกน้ำมันปาล์มของมาเลเซียอีกอย่างคืออินเดียออกข้อบังคับห้ามนำเข้าน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์จากมาเลเซีย 
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 2,981.89 ดอลลาร์มาเลเซีย (22.63 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 3,064.15 ดอลลาร์มาเลเซีย (23.10 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.68   
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 823.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (25.18 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 848.13 ดอลลาร์สหรัฐฯ (25.81 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.90
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน

 


อ้อยและน้ำตาล
 
1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ

          รายงานการผลิตน้ำตาลทรายของโรงงานน้ำตาลทั่วประเทศ
          ศูนย์บริหารการผลิต สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ได้รายงานการเก็บเกี่ยวอ้อย และการผลิตน้ำตาลทรายประจำปีการผลิต 2562/63 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 จนถึงวันที่ 20 มกราคม 2563 ว่ามีอ้อยเก็บเกี่ยวเข้าโรงงานน้ำตาลไปแล้วจำนวน 43,757,531 ตัน แยกเป็นอ้อยสด 22,233,977 ตัน และอ้อยไฟไหม้ 21,523,554 ตัน ผลิตเป็นน้ำตาลได้ 4,476,995 ตัน แยกเป็นน้ำตาลทรายดิบ 3,561,094 ตัน  และน้ำตาลทรายขาว 915,901 ตัน ค่าความหวานของอ้อยเฉลี่ย 12.22 ซี.ซี.เอส. ผลผลิตน้ำตาลทรายเฉลี่ยต่อตันอ้อย 102.31 กก.ต่อตันอ้อย
 
2. สรุปภาวการณ์ผลิตการตลาดและราคาในต่างประเทศ




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 17.80 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมัน สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 18.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 917.15 เซนต์ (10.31 บาท/กก.) ลดลงจากบุชเชลละ 929.04 เซนต์ (10.39 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.28
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 299.13 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.15 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 299.12 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9.10 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.003
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 32.90 เซนต์ (22.17 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 33.54 เซนต์ (22.49 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.91

 

 
ยางพารา

 

 
สับปะรด



 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.60 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 34.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน 
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี        
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,027.40 ดอลลาร์สหรัฐ (30.97 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 1,033.20 ดอลลาร์สหรัฐ (30.98 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.56 แต่ลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 927.40 ดอลลาร์สหรัฐ (27.96 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 932.60 ดอลลาร์สหรัฐ (27.97 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.56  และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,094.20 ดอลลาร์สหรัฐ (32.99 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 1,100.40 ดอลลาร์สหรัฐ (33.00 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.56 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 660.40 ดอลลาร์สหรัฐ (19.91 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 664.20 ดอลลาร์สหรัฐ (19.92 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.57 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,154.20 ดอลลาร์สหรัฐ (34.80 บาท/กิโลกรัม) ลดลงจากตันละ 1,160.60 ดอลลาร์สหรัฐ (34.80 บาท/กิโลกรัม) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.55 แต่ในรูปเงินบาททรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน


 

 
ถั่วลิสง
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้ 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 55.00 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 47.50 บาท
ของสัปดาห์ก่อนร้อย 15.79
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 33.39 บาท เพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 27.15 บาท
ของสัปดาห์ก่อนร้อย 22.98
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 58.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

 
 

 
ฝ้าย
 
1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้
ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนมีนาคม 2563 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 70.41 เซนต์(กิโลกรัมละ 47.47 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 70.95 เซนต์ (กิโลกรัมละ 47.59 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.76และลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.12 บาท
 
 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,791 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,463 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,457 บาทจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.41
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 783 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

 
 

 
ปศุสัตว์
 
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลตรุษจีนผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้การซื้อขายในท้องตลาดค่อนข้างคึกคักและคล่องตัว ส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรมีมากขึ้น  แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาและความต้องการบริโภคจะสูงขึ้นตามความต้องการบริโภคเนื้อสุกรที่มีอย่างต่อเนื่อง
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  68.93 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 67.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.42  โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 65.94 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 63.59 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 71.31 บาท  และภาคใต้ กิโลกรัมละ 71.09 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,700 บาท (บวกลบ 78 บาท) ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา     
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 74.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

 
ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลตรุษจีนคาดว่าความต้องการบริโภคไก่เนื้อจะมีมาก แต่จากผลผลิตไก่เนื้อออกสู่ตลาดใกล้เคียงกับความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นไม่มากนัก  แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 39.31 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 39.30 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.03  โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 39.68 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 40.76 บาท และภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน  ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 15.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.17 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 35.50 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.93 และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 49.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

 
ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ   
สัปดาห์นี้ภาวะตลาดไข่ไก่ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลตรุษจีนเกษตรกรบางส่วนมีการปลดแม่ไก่ไข่เพื่อรองรับไก่ไหว้ทำให้ปริมาณไข่ไก่ในท้องตลาดลดลงเล็กน้อย ขณะที่ความต้องการบริโภคไข่ไก่ยังคงเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แนวโน้มคาดว่าสัปดาห์หน้าราคาจะทรงตัว
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 275 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 274 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.36 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 305 บาท  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 275 บาท ภาคกลางร้อยฟองละ 267 บาท  และภาคใต้ไม่มีรายงาน  ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท  ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 301 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  

 

ไข่เป็ด

ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 334 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 332  บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.60 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 356 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 340 บาท ภาคกลาง ร้อยฟองละ 307 บาท และภาคใต้ ร้อยฟองละ 365 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 380 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  

 
โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 91.52 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 90.73 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.87 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.33 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 87.49 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 92.00 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 102.86 บาท

 
กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 68.56 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 68.78 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.32 โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 90.38บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 64.35 ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงานราคา


 

 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 17 – 23 มกราคม 2563) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 50.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมู ลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.99 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 85.69 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.70 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 130.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 145.39 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 152.89 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 7.50 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 144.17 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 148.33 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 4.16 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 74.96 บาท ราคา ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 90.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ย กิโลกรัมละ 142.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 176.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 34.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 200.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.00 บาท ราคา ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 24.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา